การแก้เคล็ดชีวิตของมนุษย์

การแก้
กรรม หรือ อีกนัยหนึ่ง คือ
การแก้เคล็ดชีวิตของมนุษย์ ในที่นี้ได้จากการนั่งปฏิบัติ ซึ่งเกิดขึ้นได้
เฉพาะตัวบุคคล กรรมที่มีอิทธิพลต่อชีวิตมนุษย์ในชาติปัจจุบัน พอจะแยกประเภท
ได้ดังนี้
๑. กรรมที่มนุษย์กระทำต่อ "สัตว์"
๒. กรรมที่มนุษย์กระทำต่อ "มนุษย์" ด้วยกัน
๓. กรรมที่มนุษย์กระทำต่อ "พระสงฆ์, ผู้ทรงศีล"
สัตว์ คือ สิ่งมีชีวิต
ที่บวชพระ บวชเณร บวชชี ไม่ได้
สวดมนต์ ปฏิบัติธรรม สร้างวัตถุธรรม ไม่เป็นสำหรับมนุษย์เราที่มุ่งทำกุศลพอ
คุ้มตัวได้ จึงไม่ค่อยติดกรรมของสัตว์
มนุษย์ แยกออกเป็น ๒
จำพวก คือ พวกปฏิบัติศีล-สมาธิ ทำบุญกุศลอยู่เนือง ๆ
และพวกที่เป็นมนุษย์เพียงร่างกาย แต่ใจเป็นสัตว์ก็ยากที่จะผ่านกรรมได้
พระ คือ ผู้มีศีล ๒๒๗
ข้อ เป็นพื้นฐาน เป็นผู้เผยแพร่พระพุทธศาสนา โบสถ์ ศาลา วิหาร
ทั้งหมด-ทั้งสิ้นที่อยู่ในธรณีสงฆ์ล้วนแล้วแต่เสมือนของส่วนรวม ที่นับว่า
เป็นสาธารณะบุญที่มนุษย์อนุโมทนาสาธุ เพื่อให้เกิดเป็นวัดวาอาราม ฉะนั้นจะ
แก้ได้ แต่ก็เฉพาะกรรมที่เกิดขึ้นโดยไม่เจตนาเท่านั้น
การแก้กรรม.....เสมือน
เป็นการขึ้นศาล มีการร้องขอเพื่อชำระความกัน ระหว่างโจทย์และจำเลย เมื่อมี
การอโหสิกรรมเกิดขึ้น ก็จะต้องมีการขอขมาจัดดอกไม้ ธูป
เทียน สังฆทาน ถวายตามแต่เจ้ากรรมนายเวรจะเรียกร้อง
สังฆทานในการแก้กรรม....หรือ แก้เคล็ดในครั้งนี้ จะประกอบไปด้วยสิ่งของ/เครื่องใช้ของพระสงฆ์เป็นหลัก
การทำสังฆทานชุดดังกล่าว
นี้.... ครั้งที่ ๑ เรียกว่า "การตัดกรรม" ครั้งที่ ๒ และครั้งต่อๆ ไป
เรียกว่า"การเสริมบุญ/เสริมบารมี" คนป่วยต้องทำซ้ำๆ
บ่อยๆ แล้วแต่อาจารย์กำหนด คล้ายกับเป็นการกินยารักษาโรคส่วนในคนปกติควรทำ
ทุกเดือนขึ้นอยู่กับความพร้อม โรคกรรมต้องใช้บุญรักษา
การทำสมาธิ....ต้องทำทุก
วัน วันละ ๓๐
นาที อานิสงส์จากการทำสมาธิมากกว่าการทำบุญทุกประเภทในโลกนี้
เป็นการปลุกเสกตัวเอง โดยไม่ต้องพึ่งคนอื่น อานิสงส์สามารถครอบคลุมได้ทั้ง
ครอบครัว กิจการ และการบำบัดรักษาโรค
ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.owatmate.com/
ขอบคุณภาพประกอบจาก http://www.dhammavariety.com/


